Sunday, February 18, 2007

ตระการตาปาร์ตี้EAU

ตระการตาปาร์ตี้EAU
มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชียจัดงานปีใหม่ ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ประจำปีที่มีการรวมตัวกันของบุคลากรเข้าร่วมกิจกรรมกัน ในตอนเช้ามีการทำบุญวันขึ้นปีใหม่และร่วมรับประทานอาหาร ภายในงานมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกมากมายรวมไปถึงการจับของรางวัลน้อยใหญ่สร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคน ต้องคอยลุ้นกันต่อไปว่าใครจะเป็นผู้โชคดีได้รับของรางวัลชิ้นใหญ่ไป ขอเชิญทุกท่านร่วมลุ้นกันในวันที่ 3 มกราคม 2550 นี้

Thursday, February 15, 2007

หมาป่ากับหมาจิ้งจอก

หมาป่า กับ หมาจิ้งจอก

หมาป่า กับหมาจิ้งจอกในป่าสูงแห่งหนึ่งนั้น เมื่อมันได้สาบานตัวเป็นเพื่อนตาย ไม่ทำอันตรายต่อกันและช่วยกันทำมาหากินโดยหมาจิ้งจอกมีหน้าที่ไล่ต้อนสัตว์ป่าที่จะมาเป็นอาหาร ส่วนหมาป่าร่างใหญ่ก็คอยจับสัตว์ป่าเหล่านั้น แล้วแบ่งกันกินอย่างอิ่มหนำสำราญทุกวันไปสมเป็นเพื่อนตายโดยแท้ แต่อยู่มาไม่ช้าไม่นาน ก็ถึงฤดูกาลอันบังเกิดความแห้งแล้งกันดารทั่วไปในป่านั้น บรรดาสัตว์ป่าทั้งหลายเดือดร้อนเหลือประมาณ เพราะอาหารหายากยิ่งขึ้นทุกวันหมาป่า กับหมาจิ้งจอกนั้น ถึงกับอดอาหารสองวันสามวันบ่อยๆ ตลอดมา ในที่สุดหมาป่าไม่สามารถทนหิวได้ จึงกระโจนเข้ากัดหมาจิ้งจอกเพื่อนตายของมันเพื่อหวังกินเป็นอาหารจะได้พ้นจากความตายเพราะไม่มีอะไรจะกิน หมาจิ้งจอกก็ดิ้นร้องขึ้น ก่อนจะกลายเป็นอาหารของหมาป่า ว่า...
"เจ้าเพื่อนตายของข้า คำสาบานของเจ้าเอาไปทิ้งเสียที่ไหนเล่า?"
"เจ้าหน้าโง่ เจ้าเคยเห็นคำสาบานหรือไฉน...ใครบอกเจ้าว่าโลกนี้มีคำสาบาน คำสาบานเป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ครั้นพูดออกไปแล้วก็ไม่มีตัวตนหรือแม้แต่เงาก็ไม่มี"
ว่าแล้วหมาป่าก็กินหมาจิ้งจอก เป็นอาหารแก้หิวในมื้อนั้นเอง

"ไม่มีคำมั่นสัญญาในหมู่โจร"

Wednesday, February 14, 2007

1ย่อหน้าเรื่องความเรียบง่าย

ความเรียบง่ายคือพลัง " เป็นคำประกาศแห่งความเรียบง่าย เกิดขึ้นในปี 1994 โดย John Harris ในที่ประชุมขององค์กรซึ่งกลายมาเป็นธนาคารใหญ่ของโลกแห่งหนึ่งBill Jensen ได้นำคำประกาศนี้มากล่าวไว้ในบทนำของหนังสือ " Simplicity " และเสนอว่า ถึงเวลาแล้วที่จะทบทวนคำกล่าวที่ว่า ความรู้คือพลัง " เพราะในโลกปัจจุบันซึ่งอิ่มตัวด้วยข้อมูลข่าวสารนั้น สิ่งที่เรารู้จะเป็นพลังได้ ก็ต่อเมื่อเรารู้ว่าจะใช้มันจัดการกับงานสารพัด ที่ครบกำหนดไปได้อย่างไร

ย่อหน้าเรื่องผัก

พืชผักพื้นบ้านชนิดต่างๆ นั้น หากจะพิจารณาแล้ว คุณประโยชน์ที่ได้รับ คือ คุณค่าทางด้านสารอาหาร มิได้แตกต่างไปจากพืชผักเศรษฐกิจ ที่มีการส่งเสริมให้ปลูกเพื่อบริโภคเท่าไรนัก ดังจะเห็นได้ว่า ผักกูดที่เก็บมาจากริมห้วย จะอุดมไปด้วยสารโปรตีน ส่วน ยอดตำลึง ใบชะพลู ใบย่านาง ใบยอ สะเดา ผักแพว หรือผักไผ่ มีแคลเซียมสูง ส่วน ยอดกระถิน ยอดแค ยอดมะม่วง ยอดมะขาม ก็มีวิตามินสูง ด้วยเช่นกัน
นอกจากคุณค่าทางด้านสารอาหารเหล่านี้แล้ว พืชผักพื้นบ้านหลายชนิด ยังถูกนำมาเป็นสารปรุงแต่งรสชาติอาหาร โดยไม่ต้องใช้น้ำตาล หรือเติมผงชูรสให้สิ้นเปลือง สารปรุงรสนี้ ในชุมชน ที่ห่างไกลความเจริญ อาทิ ชาวเขา ต่างก็เลือกพืชผักจากธรรมชาติ มาใช้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกะเหรี่ยง ม้ง อีก้อ อีกทั้งชาวไทยพื้นราบทั่วประเทศของเรา ก็นิยมเหมือนๆ กัน
พืชผักที่ใช้ปรุงรส ที่ถูกนำมาใช้เป็นทั้ง เครื่องปรุงประกอบอาหาร และการรับประทานสดๆ เครื่องปรุงที่ให้รสเปรี้ยว เช่น มะสัง มะอึก ยอดมะขาม ยอดส้มป่อย บอนส้ม พวกที่ให้รสเผ็ดร้อน เช่น โหระพา ดีปลี ผักแพวหรือผักไผ่ ส่วนผักรสหวาน เช่น มะเขือเทศลูกเล็กๆ ของทางเหนือ ใบย่านาง ผักรสขม ก็เช่น สะเลโต (กะเหรี่ยง) เพี้ยฟาน (เหนือ) ผักให้กลิ่นหอม เช่น ผักไผ่ หรือผักโหระพา ใบขิง ส่วนผักที่ช่วยดับกลิ่นคาวได้ เช่น ตะไคร้ ข่า ขมิ้น ใบ และผิวมะกรูด
คุณสมบัติของพืชผักพื้นบ้านเหล่านี้ เป็นเพียงบางตัวอย่างเท่านั้น จริงๆ แล้ว คุณสมบัติของพืชผักแต่ละตัว ต่างมีความหลากหลาย แตกต่างกันไปอีก คุณค่าที่สำคัญอีกประการหนึ่งของพืชผักพื้นบ้าน คือ การมีเส้นใยอาหาร หรือที่เรียกว่า FIBER ซึ่งเส้นใยอาหารนี้ เป็นโครงสร้างของผัก มีมากที่เปลือก ใบ และก้าน ซึ่งร่างกายเราไม่สามารถย่อยได้ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว จึงเหลือเป็นกาก ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่ บีบตัวขับถ่ายของเสียออกมา คุณสมบัตินี้ จึงช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้
นอกจากนี้ ใยอาหารยังมีคุณสมบัติ ในการที่จะจับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ด้วย และจากการที่ใยอาหาร ทำให้อาหารผ่านจากปาก ถึงทวารหนักในอัตราที่เร็วขึ้น จึงทำให้เวลาในการที่เยื่อบุลำไส้เล็ก จะสัมผัสกับสารพิษ และสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งที่มีอยู่ในอาหารลดลง ร่างกายจึงได้รับสารพิษน้อยลงไปด้วย พืชผักที่มีใยอาหารสูงมาก โดยเรียงตามลำดับ ได้แก่ ผักไผ่ (ผักแพว : ใบจันทร์หอม) ยอดสะเดา ยอดมะม่วงหิมพานต์ ยอดมะกอก ใบยี่หร่า ยอดผักเหรียง ดอกแค ขนุนอ่อน ยอดขี้เหล็ก และยอดดอกแค ในขณะที่ผักที่มีใยอาหารน้อย

Wednesday, February 7, 2007

แต่งประโยค

รักนี้มีขำ

ถ้าจะกล่าวถึงหญิงสาวงามร่างสะโอดสะองแล้ว จะต้องยกให้เธอคนนี้เพราะเธอได้ชื่อว่าเป็นเซ็กซ์ซี่สตาร์ซอยหก นามของเธอนั้นคือยู่ยี่ อาชีพที่น่าภูมิใจที่ทำให้เธอคิดว่าโลกใบนี้มีแต่ความสุขตลอดเวลาคือหญิงพาร์ทเนอร์ตามไนต์คลับ การแต่งตัวสวยๆสั้นๆทำให้เธอเดินชูคอไปตลอดทั้งซอยได้อย่างเปิดเผย สายตาหนุ่มๆในซอยที่จ้องมองเธอทำให้เธอมีท่าทางสบัดสะบิ้งกระมิดกระเมี้ยน ยิ่งทีทำให้เธอรู้สึกเหมือนนางฟ้าเข้าไปใหญ่
นานมาแล้วที่เธอสำมะเลเทเมาแทบทุกวัน
จนวันหนึ่งที่แปลกประหลาดได้เข้ามาเยือนชีวิตน่ารื่นรมย์สนุกสนาน ก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเทพบุตรในฝันได้เข้ามาเป็นคู่ชีวิต จากเคยใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย พูดจาสำบัดสำนวนและนิสัยเถลไถลกลับดีขึ้นตามลำดับ การแต่งงานเป็นยอดปรารถนาของผู้หญิงตัวตนเดียว เหมือนปริญญาของชีวิต ชีวิตอันแสนเศร้าลำบากเมื่อยามเด็กได้ถูกลบเลือนไป อดีตนั้นเธอต้องระหกระเหินเร่ร่อนมาจากบ้านเกิดเพราะถูกพ่อเลี้ยงปู้ยี่ปู้ยำจนเธอทนไม่ไหว และแม่ของเธอก็คะยั้นคะยอให้เธอไปทำงานในกรุงเทพ โดยที่เธอไม่รู้อีโหน่อีเหน่กับเหตุผลของแม่เลยแม้แต่นิดเดียว
เทพบุตรสุดหล่อผู้นั้นเอาใจเธอทุกอย่าง ความรักราบรื่นสมอารมณ์หมายแต่ใครเล่าจะดีเต็มร้อย สุดดวงใจตัวน้อยได้ถือกำเนิดขึ้นมา เสียงกระจองอแงทำให้ยู่ยี่รีบลุกกุลีกุจอมาหาลูกน้อยทันที แต่แล้วเทพบุตรก็เริ่มออกลาย เริ่มกลับบ้านค่ำอ้างว่าไปงานเลี้ยงแล้วเมากลับมาทุกครั้ง ทำให้ยู่ยี่บ่นกระปอดกระแปดกับสภาพโกโรโกโสของเทพบุตรของเธอ เมื่อยู่ยี่ได้ซักถามเขาก็ตอบตะกุกตะกักแบบน้ำขุ่นๆไปเรื่อย
ในวันครบรอบแต่งงานปีนี้ทั้งคู่ก็นัดเจอกันที่ร้านเดิมยู่ยี่พาลูกไปนั่งรอสามี แต่ผ่านสามชั่วโมงแล้วเกิดอะไรขึ้น นั่นคือเขาลืมวันสำคัญนี้หลังจากเลิกงานแล้วเขาก็ไปเที่ยวเหมือนเคยจนจำได้ว่าต้องรีบไปหาลูกกัยเมียแต่ได้นัดเพื่อนไว้แล้วเขารู้สึกละล้าละลังว่าจะไปหาเพื่อนหรือครอบครัวดี แล้วเขาก็เลือกกลับไปหาครอบครัว เมื่อไปถึงก็โดนยู่ยี่ทำท่ทางกระเหี้ยนกระหือรือใส่ แต่แล้วความโกรธก็หายไปเมื่อเทพบุตรพูดจาออดอ้อน ดูเหมือนวันนี้ครอบครัวของยู่ยี่จะมีความสุขมากเพียงแต่พ่อเทพบุตรกินตะกรุมตะกรามและเมาไปหน่อย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขารับโทรศัพท์ด้วยวาจาท่ทางกระเง้ากระงอดเสียงเล็กเสียงน้อยคร้ายสาวประเภทสองทำให้ยู่ยี่รับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อมาเทพบุตรก็ตุหรัดตุเหร่ไปจากชีวิตของยู่ยี่ตลอดกาล

Sunday, February 4, 2007

ผูกประโยคด้วยบุบพบทและสันธาน
1.ตากับยาย
2.คนแก่ข้ามถนน
3.ดอกไม้นี้แด่เธอ
4.ฉันไปเที่ยวแต่ไม่ได้ซื้อของ
5.เธอทำเมินเฉยเวลาอยู่ต่อหน้าเขา
6.ฉันไม่ไปเรียนเพราะตื่นสาย
7.ฉันจะไปแม้ว่าจะไกลแค่ไหน
8.เธอจะเลือกฉันหรือว่าเขา
9.ฉันไปเที่ยวมาเมื่อวานนี้
10.ฉันทะเละกับน้องจึงโดนแม่ดุ
11.ดึงเชือกให้ตึง
12.เพราะฉะนั้น
13.โน่นก็ดีนี่ก็ดี
14.อย่างไรก็ตามแต่ฉันจะไม่ไป
15.ฉันไปเรียนโดยรถตู้
16.เธอคงไม่รู้ว่าเขาจะมา
17.ถ้าเธอมาช้าฉันจะไปก่อน
18.ที่แห่งนี้มีรัก
19.เขาเป็นคนไม่รู้จักพอ
20และแล้วเธอก็กลับมา